อยากปลูกพริกให้ดก ต้องทำอย่างไร? เพราะปลูกเท่าไรก็ปลูกไม่ขึ้น ไม่ผลิดอกออกผลอย่างที่ตั้งใจเอาไว้ วันนี้เรานำคำตอบเกี่ยวกับวิธีการปลูกพริกให้ดกที่ใครๆ ก็ทำตามได้ง่ายๆ ซึ่งเกษตรกรหรือบุคคลทั่วไปสามารถนำไปดัดแปลงและปรับเปลี่ยนแนวทางปฏิบัติให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ ประเภทดิน พันธุ์พริกและฤดูปลูกซึ่งแตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาคได้ด้วยตัวเอง
ทำความรู้จักสายพันธุ์ของพริก
สำหรับพริกที่ทำการปลูกในประเทศไทยจะสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภท ตามขนาดของผล ดังนี้
1. กลุ่มพริกผลใหญ่ ได้แก่
- พริกชี้ฟ้า พริกมัน พริกหนุ่ม และพริกเหลือง เป็นพริกที่มีรูปร่างผลมีหลายแบบ ส่วนมากผลจะมีลักษระเรียวยาว ปลายผลแหลม สีผลอ่อนมีทั้งสีเขียวอ่อนและสีเขียวเข้ม ผลสุกแก่สีเหลือง ส้ม หรือสีแดง และมีรสชาติค่อนข้างเผ็ด
- พริกหยวก เป็นพริกที่มีผลยาวรูปทรงกรวย ปลายผล แหลม ตรง ผิวมันและเรียบ เนื้อหนา รสชาติเผ็ดน้อย ใช้ประกอบอาหาร เช่น หลน ผัด ย่าง หรือพริกหยวกยัดไส้
- พริกหวาน เป็นพริกที่มีรูปร่างผลเป็นทรงกระบอก ผิวมัน รสชาติไม่เผ็ด รับประทานเป็นผักสดในจานสลัด ผัด ทําพริกยัดไส้อบหรือนึ่ง
2. กลุ่มพริกผลเล็ก ได้แก่
- พริกขี้หนูผลใหญ่ เป็นพริกที่มีลักษณะผลเรียวปลายแหลม ผลอ่อนมีสีเขียวอ่อนจนถึงเขียวเข้ม ผลสุกแก่สีแดงสด รสชาติเผ็ด ใช้เป็นเครื่องปรุงอาหารประเภทน้ำพริก ส้มตํา เครื่องแกง น้ำจิ้ม หรือรับประทานสด ส่วนผลแดงมักนำมาทําพริกแห้ง และพริกป่น
- พริกขี้หนูเล็ก เป็นพริกที่มีรสชาติเผ็ดจัด มีกลิ่นหอมเฉพาะ ใช้เป็นเครื่องปรุงอาหาร ประเภทน้ำพริก ต้มยํา ส้มตํา ยํา เครื่องแกง น้ำจิ้ม และรับประทานสด

2 วิธีการปลูกพริกให้ดก
ทำความรู้จักพันธุ์พริกกันไปแล้ว คราวนี้มาดูวิธีการปลูกพริกสำหรับคนเมืองที่ต้องการปลูกพริกเอาไว้ในกระถาง และวิธีการปลูกพริกสำหรับเกษตรกรที่ต้องการปลูกพริกลงแปลง เพื่อสร้างรายได้เสริม หรือปลูกเป็นอาชีพจริงจัง
วิธีการปลูกพริกให้ดกในกระถางสำหรับคนเมือง
สำหรับการปลูกพริกไว้ในกระถางเหมาะสำหรับคนเมืองที่มีพื้นที่ภายในบ้านหรือคอนโดค่อนข้างจำกัด โดยมีวิธีการปลูกพริกให้ดกแม้จะปลูกเอาไว้ในกระถาง ดังนี้
- เตรียมเมล็ดพริกสำหรับปลูก
- เตรียมดิน
อาจจะสั่งจากทางอินเทอร์เน็ตก็มีจำหน่ายในราคาซองละ 15-20 บาท แต่ถ้าไม่สะดวกซื้อ ต้องการเพาะต้นกล้าพริกเองก็สามารถทำได้ เริ่มจากการนำเม็ดพริกที่มีอยู่แล้วในครัว สดหรือแห้งก็ไม่สำคัญ แต่ขอให้พริกเม็ดนั้นแก่จัด เพราะจะเป็นเมล็ดพริกที่พร้อมขยายพันธุ์
ให้หาวัสดุใส่ดินสำหรับเพาะ ส่วนดินซื้อได้ตามร้านต้นไม้ ถุงละ 20-35 บาท ขึ้นกับความสมบูรณ์ของดิน นำดินที่ได้มาทำให้ขยี้ให้ละเอียด นำใส่กระถางที่มีขนาดไม่ใหญ่มากประมาณ 20-30 เซนติเมตรก็เพียงพอ

- นำเมล็ดลงดิน
ทำการหยอดเมล็ดพริกลงในกระถางประมาณ 4-5 เมล็ด และใช้ดินโรยปิดแบบบางๆ เพื่อป้องกันการแย่งอาหารกัน หรือรากพันกัน ทำให้แยกต้นไปปลูกลำบาก
- การรดน้ำ
ให้ย้ายกระถางไว้ในที่ร่มและรดน้ำวันละครั้ง ถ้าหากเห็นเมล็ดพริกงอก มีใบจริง 2-3 ใบ ควรเลือกถอนต้นกล้าที่ไม่สมบูรณ์ทิ้ง เหลือไว้เฉพาะต้นกล้าที่แข็งแรงสมบูรณ์ไว้
- การใส่ปุ๋ย
ควรใส่ปุ๋ยให้กับต้นพริกบ้าง ซึ่งปุ๋ยที่ใช้จะขึ้นอยู่กับชนิดและคุณภาพของดินปลูก แต่โดยทั่วไปหากใส่ปุ๋ยคอกในกระถางที่ปลูกไว้รับประทานเองในครัวเรือน ใช้ปริมาณปุ๋ยคอกเพียงหยิบมือก็เพียงพอแล้ว
วิธีการปลูกพริกให้ดกในแปลงสำหรับเกษตรกร
สำหรับเกษตรแล้วก็มีวิธีการปลูกพริกให้ดกได้ง่ายๆ ดังนี้
- การเก็บเมล็ดพริก
หากเลือกปลูกเมล็ดพริกด้วยตัวเอง แนะนำให้แกะเมล็ดออกจากผลที่สุกแดงแล้วโดยเร็ว จะแกะเมล็ด ขณะผลสด หรือเมื่อผลแห้งก็ได้แต่ไม่ควรปล่อยให้ผลที่แห้งแล้วทิ้งไว้นานเกิน 30 วัน เพราะเมล็ดที่อยู่ใน ผลจะเสื่อมความงอกไปเรื่อยๆ หลังจากนั้นให้นำตากแดดเช้าหรือผึ่งไว้ในที่ร่มประมาณ 3-4 วัน เมื่อเมล็ดแห้งให้เก็บใส่ถุงพลาสติกปิดให้แน่น จะสามารถเก็บเมล็ดไว้ได้นานถึง 1 ปี
- การเตรียมเมล็ดพริก
ให้นำเมล็ดพริกไปแช่น้ำ 1 วันแล้วนำมาผึ่งลมให้แห้ง ก่อนจะแกะเมล็ดออกมาปลูก หรือถ้าทำการแกะไปแล้วให้แช่น้ำเมล็ดไว้ครึ่งวัน แล้วค่อยนำมาปลูก
- การเตรียมแปลงเพาะปลูก
เตรียมพื้นที่ทําแปลงเพาะกล้าที่มีแสงแดดส่องถึง แต่ไม่ร้อนจัด หากร้อนให้นำฟาง หญ้าแห้งมาคลุมดิน เพื่อไม่ให้ดินแห้งเร็วเกินไป หลังจากนั้นให้ขุดดินยกแปลงกว้าง 1 เมตร ปรับสภาพดินให้ร่วนโปร่งโดยเติมปุ๋ย แกลบ หลังจากนั้นให้ใช้ไม้ขีดบนผิวหน้าแปลงเป็นรอยตื้นๆ ประมาณ 0.5-1.0 เซนติเมตร แต่ละรอยห่างกัน 10 เซนติเมตร วางเมล็ดพริกลงในรอยห่างกัน 2-3 เซนติเมตร แล้วคลุมด้วยดิน ปุ๋ยหมักบางๆ

- คลุมแปลงปลูก
เพื่อป้องกันหน้าดินไม่ให้แน่นหลังจากฝนตก รักษาความชื้นใน ดิน ป้องกันผิวหน้าดินไม่ให้กระทบแสงแดดโดยตรง ให้ใช้ฟางข้าว เปลือกฝักข้าวโพด ใบ หญ้าคาในการคลุมแปลงเอาไว้
- การใส่ปุ๋ย
ให้ใส่ปุ๋ยที่มีสัดส่วนธาตุอาหารตามสัดส่วนที่พืชใช้ส่วนใหญ่พืชที่มีผลมักต้องการ N:P:K ประมาณ 3:1:4 คือต้องการ K และ N มาก ส่วน P ใช้น้อย ควรใส่ปุ๋ยให้มากพอกับจำนวนผลผลิต และควรใส่ปุ๋ยให้มากขึ้นอีกในช่วงอายุ 25-60 วันหลังย้ายปลูก
การกำจัดศัตรูพืชให้กับพริก
โรคและแมลงมักทำให้พริกเกิดโรคต่างๆ เช่น โรคกุ้งแห้ง หรือแอนแทรคโนส, โรคเน่าเปียก, โรคใบจุดตากบ, โรครากเน่าโคนเน่า ฯลฯ ซึ่งวิธีการป้องกันที่ได้ผลสามารถทำได้โดยวิธี ดังนี้

- ไถพรวนดินตากแดดอย่างน้อย 14 วัน ก่อนปลูกพริก
- จัดแนวของแถวปลูกพริกไม่ให้ขวางทิศทางลม
- เก็บเศษซากพืชทั้งใบหรือผลที่เป็นโรคออกจากแปลงปลูกบ่อยๆ เพื่อไม่ให้มีแหล่งเชื้อโรคแพร่กระจายในแปลงปลูก และนําออกมาเผานอกแปลง
- ถ้าพบต้นพริกที่แสดงอาการใบหงิกเหลืองประเขียว ใบผิดรูปร่าง แกร็น ให้ถอนทิ้งทันที โดยการนําออกมาเผาไฟ เพราะต้นพริกที่แกร็นและใบหงิกตั้งแต่ต้นเล็กๆ จะไม่ให้ผลผลิตแต่เป็นแหล่งเชื้อไวรัส แพร่กระจายไปสู่ต้นอื่นๆ ได้
- ใช้ไตรโคเดอร์มา ซึ่งเป็นสารชีวภัณฑ์ที่ช่วยปกป้องรากพืชจากเชื้อโรค ช่วยละลายแร่ธาตุอาหารให้อยู่ในรูปที่เป็นประโยชน์ต่อพืช เพิ่มเปอร์เซ็นต์ความงอก และอัตราการงอกของเมล็ดพืช ช่วยเพิ่มความสมบูรณ์ของระบบราก ส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืช เพิ่มผลผลิตพืช และชักนําให้พริกมีความต้านทานต่อเชื้อโรคพืช โดยให้พ่นที่ลําต้น ใบบ่อยๆ เพื่อป้องกันโรคทางใบ หรือราดโคนต้น หรือผสมไตรโค เดอร์มากับปุ๋ยหมักโรยโคนต้น เพื่อป้องกันโรคทางดินได้
สรุป
การปลูกพริกให้มีลูกดกสามารถทำได้ทั้งในภาคครัวเรือนและภาคการทำเกษตกรรม ซึ่งก็หวังว่าเทคนิคที่นำมาฝากในวันนี้จะช่วยเพิ่มผลผลิตให้กับทั้งผู้ที่สนใจและเกษตรกรได้ไม่มากก็น้อย แต่ทั้งนี้ ก็ควรที่จะใช้เทคนิคเหล่านี้ควบคู่ไปกับการเฝ้าสังเกต การดูแล และกำจัดศัตรูพืชและแมลงที่มีโอกาสเข้ามาทำลายผลผลิตเพิ่มเติมด้วย ซึ่งวิธีการกำจัดก็ควรที่จะหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีที่้ป็นอันตรายต่อสุขภาพของคนและสิ่งแวดล้อมจะเป็นการดีที่สุด